JRIT ICHI

ICHI LIVE มาพร้อมกับแนวคิด “Digital, Innovation and Leadership” ด้วยการเชิญผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ของไทยมาพูดคุยแบ่งปันความรู้และแนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำธุรกิจในยุค Digital

Session-2 ของงาน ICHI LIVE ตอนที่ 2 ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา เราพูดคุยกันในหัวข้อ “Marketing Solution and Direction for NOW” ให้สัมภาษณ์โดยคุณปลาวาฬ ชุตินิยมการ รองประธานฝ่ายกลยุทธ์การตลาด บริษัท 5G Catalyst Technologies (5GCT) ผู้ทำการตลาดให้กับบริษัทสตาร์ทอัพและธุรกิจ B2B

5GCT หรือ 5G Catalyst Technologies ค่ะ ตัวเองเรียนจบก็เข้าทำงานในบริษัทสายเทคโนโลยีเลย เริ่มต้นจะไปทำงานที่ Grab Thailand ตำแหน่ง Product and Strategy ต่อมาก็ทำ e-commerce บริษัท JD Central และได้ไปทำ Marketing แบบ Investor Relations ที่ Gobi partners เป็น Venture Capitalist สุดท้ายก็มาทำสตาร์ทอัพอีกรอบแบบเต็มตัวที่ 5GCT ซึ่ง 5GCT เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีความเชี่ยวชาญในการทำ 5G Transformation คลื่น 5G เป็นคลื่นยุคใหม่ของวงการการสื่อสาร ความเร็วเมื่อเทียบกับ 4G เร็วกว่าถึง 100 เท่า ทำให้มีความสามารถในการใช้งานได้อย่างหลากหลายนอกเหนือจากการใช้งานทั่วไป เช่น มีผลกับผู้ทำธุรกิจแบบ B2B ระดับประเทศ ว่าทำ Automation ได้เร็วขึ้น การทำเมืองอัจฉริยะ การทำแพทย์ทางไกล จะสามารถทำได้ดีขึ้น เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ จึงจำเป็นต้องมีอะทิเกรเตอร์ที่คอยจับทุกอย่างมารวมกันและทำให้ย่อยง่ายสำหรับบริษัทหรือเมืองที่ต้องการนำเทคโนโลยี 5G เข้าไปใช้งาน

พิธีกร: ในเมื่อเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ แน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายเองก็จะเป็นองค์กรใหญ่เช่นเดียวกัน ทำให้การทำการตลาดคงไม่ใช่การใช้ social media แน่นอน อยากทราบว่าการหาลูกค้าที่ทราบถึง flow ของเทคโนโลยีเหล่านี้นั้นต่างจากการตลาดแบบอื่นอย่างไร มีความละเอียดและลึกซึ้งแบบไหน

คุณปลาวาฬ: ในตอนแรกที่เรามาทำก็คิดว่าการทำการตลาดในยุคดิจิทัลต้องทำโฆษณาทาง Facebook, Google search, SEM แต่พอมาทำของ 5GCT ด้วยตัวเทคโนโลยีที่ใหม่และคนทั่วไปไม่รู้จัก ทำให้การยิงโฆษณาไม่ได้ผล และไม่ได้ ROI อย่างที่ต้องการ เลยได้เรียนรู้ว่าการทำการตลาดให้กับบริษัทที่เป็นสตาร์ทอัพและ B2B มีหลักวิธีคิดคล้ายกัน แต่ว่าลำดับความสำคัญไม่เหมือนกัน พื้นฐานของการทำการตลาดที่เราต้องรู้หลัก ๆ มีอยู่ 4 ข้อ คือ เราอยากจะคุยกับใคร ใครเป็นลูกค้าเรา เราจะทำให้เขารู้จักบริษัทเราได้อย่างไร เราจะติดต่อกับเขายังไงให้เขามาเป็นลูกค้าของเราจริง ๆ และ ultimate goal ที่เราอยากได้คือ อยากให้เขาเป็น Royal Customer และบอกปากต่อปากกับคนอื่น เมื่อมาเจาะลึกว่าลูกค้าของเราเป็นใคร ของ 5GCT เรารู้อยู่แล้วเพราะว่าค่อนข้างชัดเจนว่าเราทำเทคโนโลยีที่ตายตัวอยู่แล้วว่าเทคโนโลยีนี้ใครที่จะได้ประโยชน์สูงสุด ด้วยความที่เทคโนโลยีมันใหม่สิ่งที่เราอยากได้คือ innovator สมมติว่าเป็นเมืองก็ต้องเป็นเมืองที่มีการศึกษาการทำเมืองอัจฉริยะ การใช้ 5G มาแล้วประมาณหนึ่ง ถ้าเกิดว่าเป็นอุตสาหกรรมก็คงจะเป็นด้านปิโตรเคมิคอล หรือบริษัทที่ทำ automotive ที่มี robot เยอะ ๆ อยู่แล้ว ในส่วนของโรงพยาบาลก็คงจะเหมาะกับโรงพยาบาลที่เป็นเครือและมีสาขาเยอะ ๆ และพอเรารู้ถึงกลุ่มลูกค้าก็ทำให้สามารถมองเห็นภาพได้ว่าใครคือลูกค้าที่เราอยากจะคุย หลังจากนั้นลูกค้าเองก็อยากจะเรียนรู้เพิ่ม เรื่อง 5G ว่าสามารถนำมาใช้กับการทำงานหรือกลยุทธ์ที่เขาต้องการจะทำได้อย่างไร แน่นอนว่าในเมื่อเขากำลังมองหาความรู้ เราก็เอาความรู้ไปมอบให้เป็นการเข้าหาลูกค้า
เพราะว่าเราเป็นบริษัทใหม่ และยังไม่ค่อยมีบริษัทแบบเราซึ่งเป็นจุดเด่นของ 5GCT เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพยายามหาแพลตฟอร์ม ทำสัมมนา จัดเวิร์คชอปเพื่อพูดเรื่อง 5G โดยเฉพาะ เช่น ประโยชน์ต่อการพัฒนาเมือง จากการทำตรงนี้ก็ทำให้ลูกค้าค้นหาเราโดยที่ไม่ต้องเสียเงินด้วยซ้ำ เป็น SEO และผลการค้นหาก็จะไม่เยอะเพราะว่าคู่แข่งในตลาดมีไม่มาก ส่วนที่สองถ้าเกิดว่า Lead ยังไม่พอ ก็จะใช้วิธีที่เรียกว่า Partner Marketing เพราะเราเป็น applicator ที่มีพาร์ทเนอร์หลาย ๆ คนที่ช่วยปั้นโปรเจ็คขึ้นมา พาร์ทเนอร์หลายๆเจ้าที่ร่วมมือกันเขาเป็น global partner และอยู่ในสายงานเดียวกับเราอยู่แล้ว ทำให้เมื่อเราสามารถทำการตลาดร่วมกันได้ เพราะว่าเขามีผู้ชมที่พร้อมจะใช้งานอยู่แล้ว ล่าสุดเพิ่งได้ร่วมงานกับซิสโก้มาเวเนียที่เป็นแบรนด์ระดับสากล โดยการสอนและให้ความรู้ทางด้านทักษะเรื่อง 5G มาจัดและแลกเปลี่ยนความรู้กัน ส่วนที่เราจะได้คือ การบอกวิสัยทัศน์ของบริษัทและการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ออกไปให้ตลาดรู้ และเราเองก็อยากได้คนดูที่มาจากพาร์ทเนอร์เหล่านี้ให้มารู้จักเรา