FinTech

Startups

Marketing

Innovation

Digital

01.12.2021

【ICHI LIVE】 Power of Thai Startups

【ICHI LIVE】 Power of Thai Startups

ICHI LIVE มาพร้อมกับแนวคิด “Digital, Innovation and Leadership” ด้วยการเชิญผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ของไทยมาพูดคุยแบ่งปันความรู้และแนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำธุรกิจในยุค Digital

Session-1 ของงาน ICHI LIVE ตอนที่ 2 ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 พบกับการร่วมพูดคุยกันในหัวข้อ “Power of Thai Startups” โดยคุณคุณธนัย นพคุณ Partnership Director แห่ง Flow Account และคุณป้อม ปิยพันธ์ วงศ์ยะรา CEO แห่ง 2read ซึ่งเขาทั้งสองจะมาไขข้อข้องใจให้ได้ทราบกันว่า เราจำเป็นต้องใช้อะไรบ้าง เพื่อการแก้ปัญหาให้กับลูกค้าของเรา

พิธีกร: วันนี้เรามีแขกรับเชิญ 2 ท่าน ที่จะมาเล่าเรื่องราวหลากหลายมุมเกี่ยวกับสตาร์ทอัพไทยให้เราได้ฟังกัน สำหรับท่านแรกคือ คุณธนัย นพคุณ จาก Flow Account ส่วนท่านที่สอง คือ คุณป้อม ปิยพันธ์ วงศ์ยะรา จาก 2read ค่ะ

พิธีกร: “การทำสตาร์ทอัพนั้นต้องเริ่มมาจากการแก้ปัญหาของลูกค้าเป็นหลัก” แน่นอนว่าสตาร์ทอัพทุกแห่งยึดถือสิ่งนี้ไว้ในการทำธุรกิจ แต่อยากถามว่าอะไรที่ทำให้เรามั่นใจว่าเราแก้ปัญหานี้ได้ดีกว่าคนอื่น

คุณธนัย: “ทุกที่ที่มีปัญหานั่นคือธุรกิจ” เราเองก็เริ่มมาจากการแก้ไขปัญหาเช่นเดียวกันทุกคน โดยเริ่มจากการแก้ไขอะไรที่ไม่เข้าท่า แต่เรามีความเชื่อว่ามันดี แล้วเรามี passion ที่อยากจะทำ อย่าง Flow Account เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ความรู้ เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องการที่ปรึกษา ซึ่งแน่นอนว่าการไปหาที่ปรึกษาก็มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่หากมาปรึกษากับทางเราจะให้คำปรึกษาฟรี เป้าหมายของเราคือเราอยากหาแอปพลิเคชันเพื่อช่วยตัวเราเองในการทำธุรกิจ แต่อย่างที่บอกว่าการทำธุรกิจต้องมีความรู้ เพราะฉะนั้นเราเลยเติมประเด็นความรู้ให้ แน่นอนว่าเราจะเหนื่อยแน่นอน แต่ว่าหากเรามี passion ในการทำ มองเป็นความท้าทาย และได้ทราบถึงปัญหาต่าง ๆ ที่ผู้คนพบเจอ จะช่วยให้เราสามารถแก้ปัญหาได้ดี และค่อย ๆ เติบโตขึ้น เหมือนเป็นการสะสมประสบการณ์และความรู้ ซึ่งเหล่านี้เองก็เป็นมายด์เซ็ตแบบคนญี่ปุ่นเช่นกัน เท่านั้นยังไม่พอเนื่องจากเป็นซอฟแวร์ออนไลน์และอยู่บนคลาวด์จึงมีลักษณะเช่นเดียวกับแอปพลิเคชันในมือถือคือมีการอัพเดตเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าจ่ายเงินครั้งเดียวแล้วจบแต่ก็ยังได้รับการอัพเดตเวอร์ชันใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ

คุณป้อม: คุณธนัยตอบไปหมดแล้วน่ะสิครับ ทั้งเรื่อง passion ซึ่งเรามั่นใจว่าเราไม่แพ้ใคร ถึงแม้ว่าจะจบจากคณะวิศกรรมศาสตร์ แต่กลับมาค้นพบว่าตัวเองมี passion ทางการให้ความรู้แก่ผู้อื่น ตั้งแต่ทำ Stock Tomorrow ก็คิดเพียงแค่ว่าเรามีความรู้และประสบการณ์เลยอยากที่จะแบ่งปันกับผู้อื่น ซึ่งก็ทำเพราะอยากทำ ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่า สิ่งที่ 2read มีคือ แพชชันในการให้ความรู้และพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ และต้องขอบอกเลยว่าไม่ใช่เพียงแค่ผม แต่ทีมของเราทุกคนมีเซอร์วิสมายด์ มีความทุ่มเท และแข็งแรงแม้ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็สามารถแก้ปัญหาและหาทางไปจนได้ ไฟแรง และมีการสั่งสมความรู้และประสบการณ์มาอย่างยาวนาน แม้ว่าทาง 2read เพิ่งจะเปิดตัวได้ไม่นานแต่ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เราสั่งสมมาก่อนหน้านี้ก็เป็นเรื่องเดียวกัน เพียงแต่เราไปโฟกัสในเรื่องของการลงทุนเสียมากกว่า แต่เมื่อเป็น 2read คอนเทนต์ของเราครอบคลุมหมด เราเคยทำสรุปว่าเราแตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นอย่างไร แน่นอนว่าแพลตฟอร์มการอ่านก็มีอยู่มากมาย แต่เรามีทั้งการอ่าน การฟัง รวมถึงคอร์สสัมมนา วิดีโอ อีเวนต์ ซึ่งเรียกได้ว่าครบวงจรทั้งในด้านคอนเทนต์และช่องทางที่ให้ผู้คนติดตาม ที่กล่าวมาคือสิ่งที่คิดว่าเราแตกต่างและมั่นใจว่าเราจะสามารถสร้างประโยชน์กับคนในสังคมนี้ได้จริง ๆ

พิธีกร: มีนวัตกรรมหรือดิจิทัลเทคโนโลยีอะไรของญี่ปุ่นที่คิดว่าถ้าเอามาใช้ในเมืองไทยได้จะดีมาก

คุณธนัย: ถ้าด้านเทคโนโลยีญี่ปุ่นก็คือเราชอบประเทศเขาอยู่แล้ว ในแง่ธุรกิจก็คือ บัญชีออนไลน์ ที่ชื่อว่า Money Forward มีระบบที่ดีเป็นระบบที่ไทยเรายังไปไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น การทำบัญชีบนคลาวด์ ในไทยจะเชื่อมต่อมาแค่ server ฝั่งเรา แต่ที่ญี่ปุ่นจะเชื่อมต่อไปยัง server ของธนาคาร กรมสรรพากร ทำให้การนำส่งข้อมูลทางด้านบัญชีมีประสิทธิภาพมาก ลดการเจอผู้คน ลดการใช้กระดาษ ซึ่งเหล่านี้ช่วยให้ประเทศพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างครบวงจร

คุณป้อม: เหมือนกันเลยครับ มองญี่ปุ่นเป็น Role model ของบ้านเรา ทุกที่ล้วนแต่มีข้อดีมีจุดเด่น แต่ส่วนตัวผมชอบความคิด การทำงาน และการวางแผนที่เป็นระบบของญี่ปุ่น ต้องบอกว่าสิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้คนไทยเรียนรู้จากญี่ปุ่นนอกเหนือจากเทคโนโลยีก็คือ การวางแผน ระเบียบวินัย เช่น การมีตารางเวลาเดินรถไฟที่แน่นอน ทำให้เราสามารถวางแผนชีวิตได้ง่าย ซึ่งถ้าเกิดรถไฟมีปัญหาต้องออกใบยืนยันให้ผู้โดยสารเลย ซึ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเขามีการวางแผนและลงรายละเอียด และสามารถปฏิบัติได้จริง ผมรู้สึกว่าถ้าเมืองไทยสามารถทำเช่นนี้ได้จะดีมาก ๆ ไม่เพียงเท่านั้นการที่เราเห็นตู้ขายสินค้าอัตโนมัติวางอยู่ทั่วไปก็สะท้อนให้เห็นถึงเทคโนโลยีรวมไปถึงความซื่อสัตย์ของคน ตอนนี้ก็เริ่มเห็นหลายบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยทำเรื่องตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ จริง ๆ ก็มีอีกหลายอย่างนะครับที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากคนญี่ปุ่น

RECOMMEND