SaaS/Cloud Services

COVID-19

Leadership

Innovation

Digital

10.11.2022

【DigiTech】SaaS ตัวช่วยธุรกิจไทย ยิ่งปรับตัวได้ไว ความสำเร็จยิ่งใกล้เข้ามา

SaaS ตัวช่วยธุรกิจไทย ยิ่งปรับตัวได้ไว ความสำเร็จยิ่งใกล้เข้ามา

เมื่อโลกเดินทางเข้าสู่ยุคที่เราทุกคนต้องเผชิญหน้ากับปัญหาการระบาดของโควิด-19 ทุกองค์กรหรือธุรกิจจึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด หลายองค์กรเลือกที่จะปรับตัวด้วยการทำงานออนไลน์ และเริ่มหันมาใช้ SaaS ในธุรกิจมากขึ้น ซึ่ง SaaS ถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกแห่งดิจิทัลนี้ไม่ว่าใครก็เริ่มต้นด้วย SaaS กันทั้งนั้น แล้ว SaaS คืออะไร? มีประโยชน์มากแค่ไหน? ในวันนี้ทีมงาน ICHI ของเราได้รับเกียรติจาก ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซี (IMC Institute) มาช่วยแชร์ความรู้ และบอกเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับ SaaS เพื่อให้พวกเราสามารถนำไปปรับใช้ในธุรกิจต่อไป

ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ กล่าวว่า SaaS ย่อมาจาก Software as a Service เป็นบริการด้านซอฟต์แวร์ที่ถูกจัดเก็บไว้ในระบบ Cloud ซึ่งช่วยสร้างความสะดวกสบายในการทำงานสำหรับผู้ใช้ในยุคสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะในอดีตหากเราต้องการใช้บางตัว เราก็มีความจำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์นั้น ๆ ไว้ในเครื่องของเรา และเสียค่าใช้งานในลักษณะของค่า License หรือก็คือการซื้อครั้งแรกแล้วสามารถใช้บริการได้จนกว่าจะมีการอัพเดทเวอร์ชันใหม่เข้ามา ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เราก็อาจจำเป็นต้องซื้อ License ของเวอร์ชันใหม่อีกรอบ แต่การจ่ายค่าบริการของ SaaS นั้นแตกต่างออกไป เพราะบริการของ SaaS มักจะคิดค่าบริการเป็นรายเดือน หรือรายปี เป็นการคิดค่าบริการในรูปแบบ Subscription ผู้ใช้จึงสามารถใช้งานเวอร์ชันล่าสุดได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเพิ่มเพื่อซื้อ License ของเวอร์ชันใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ ผ่านทางระบบ Cloud และจัดเก็บข้อมูลผ่านทาง Cloud ได้จากทุกสถานที่ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานควรเลือกผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น และเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล

ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “การทำงานในรูปแบบ SaaS ยังช่วยให้องค์กรของเราสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการใช้งานซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เดือนนี้พนักงานในองค์กรจำเป็นต้องใช้บริการ SaaS เป็นจำนวน 10 คน การเสียค่าบริการหรือค่าใช้งานก็จะคิดตามจำนวนใช้งานจริง โดยในเดือนถัดไปหากความต้องการในการใช้บริการ SaaS ลดน้อยลงเหลือ 5 คน ทางองค์กรก็สามารถเลือกที่จะไม่ต่ออายุการใช้งานหรือ Unsubscribe เพื่อยุติค่าใช้จ่ายส่วนเกินในเดือนนั้นได้ทันที เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายทางธุรกิจลง” ซึ่งผู้ให้บริการ SaaS ของไทยในปัจจุบันก็มีหลายรายด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น Humanica ผู้ให้บริการ solution ทางธุรกิจด้าน HR

นอกจากนั้น ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ยังได้ยกตัวอย่างกรณีของบริษัทหนึ่งในประเทศไทยซึ่งใช้บริการ SaaS สำหรับการจัดการทรัพยากรบุคคล หรือ Human resource ซึ่งแต่เดิมอาจจำเป็นต้องใช้การตั้งค่าที่ซับซ้อนจ่ายค่า License ค่อนข้างแพง และจำเป็นต้องอัพเดทการซื้อ License ทุกครั้งที่ออกเวอร์ชันใหม่ แต่หลังจากเปลี่ยนมาใช้บริการ SaaS ก็ช่วยให้การดำเนินการต่าง ๆ คล่องตัวรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่าย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กรด้วยเช่นกัน

การนำ SaaS เข้ามาใช้ในองค์กร นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่าย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว ยังจะช่วยให้ธุรกิจนั้น ๆ สามารถเริ่มทำ Digital Transformation ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญมากในโลกธุรกิจยุคดิจิทัลแบบนี้ เพราะยิ่งปรับตัวได้เร็วมากเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จทางธุรกิจมากขึ้นเท่านั้น โดย ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงแนวโน้มในอนาคตของ SaaS ไว้ว่า “เทรนด์การใช้งาน SaaS ของประเทศไทยก็จะคล้าย ๆ กับทั้งโลก คือ จะมีการนำบริการ SaaS เข้ามาใช้งานหรือมีบทบาทมากขึ้นอย่างแน่นอน จึงอยากให้ทุกองค์กรหรือธุรกิจเตรียมพร้อมในการรับมือและปรับตัวไปพร้อมกัน”

 

RELATED ARTICLES

RECOMMEND